นมไทย-เดนมาร์ก หรือที่เราเรียกติดปากตามโลโก้วัวแม่ลูกว่า “นมวัวแดง” ที่เชื่อว่าแทบทุกคนเคยลิ้มลองรสชาติกันมาสักครั้งหนึ่ง
กว่า 50 ปีที่นมวัวแดงอยู่คู่คนไทยมา ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ยังคงเป็นนมอันดับหนึ่งของประเทศ แม้จะมีคู่แข่งจากต่างชาติเข้ามาตีตลาดก็ตาม
เปิดประวัตินมไทย-เดนมาร์ก
– เริ่มจาก “คุณนิลส์ ซอนเดอร์ กอร์ด” ชาวเดนมาร์กได้มีโอกาสมาทำงานร่วมกับปศุสัตว์ไทย ระหว่างปี พ.ศ.2498-2502
– เขาเห็นว่าคนไทยดื่มนมวัวน้อยมาก ไม่เหมือนกับในเดนมาร์ก เมื่อกลับไปประเทศบ้านเกิด จึงทำแผนก่อตั้งฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมในไทย เสนอรัฐบาลเดนมาร์ก
– ประจวบเหมาะกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เสด็จประพาสทวีปยุโรป เมื่อปี พ.ศ.2503 มีความสนพระทัยในกิจการเลี้ยงโคนมของเดนมาร์กเป็นอย่างมาก
– ปี พ.ศ.2504 จึงเกิดการลงนามความร่วมมือช่วยเหลือทางวิชาการการเลี้ยงโคนมระหว่างรัฐบาลเดนมาร์กกับรัฐบาลไทย พร้อมเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเดนมาร์กประมาณ 24 ล้านบาทในสมัยนั้น
– วันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2505 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้า
เฟรเดอริคที่ 9 แห่งประเทศเดนมาร์ก ทำพิธีเปิดฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ก อย่างเป็นทางการ
– พ.ศ.2514 รัฐบาลไทยได้รับโอนกิจการฟาร์มและศูนย์ฝึกเลี้ยงโคนม พร้อมจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจขึ้น ภายใต้ชื่อ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) และใช้มาถึงปัจจุบัน
ตลาดนมไทย มูลค่าสูงแค่ไหน!?
ตามข้อมูลพบว่า ตลาดรวมนมที่ดื่มและกินได้ ซึ่งไม่รวมของพริตตี้และนางแบบ มีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น
– นมพร้อมดื่ม UHT ประมาณ 20,000 ล้านบาท
– นมพาสเจอร์ไรส์ ประมาณ 17,000 ล้านบาท
– นมถั่วเหลือง ประมาณ 15,000 ล้านบาท (เติบโตเร็วมาก)
– นมประเภทอื่นๆ ประมาณ 8,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ น่าสนใจว่าคนไทยดื่มนมเฉลี่ยคนละ 18 ลิตร/ปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าจีน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 10 ลิตร/ปี
แต่ยังเป็นตัวเลขที่น้อยหากเทียบกับสหภาพยุโรป ดื่มเฉลี่ยคนะ 59 ลิตร/ปี หรือสหรัฐอเมริกาที่ตัวเลขสูงถึงคนละ 81 ลิตร/ปี
รายได้ของ อ.ส.ค. และนมตราวัวแดง
หลังจากที่โดนนมต่างชาติเข้ามาตีตลาด จนเสียตำแหน่งแชมป์ไปให้อยู่ช่วงหนึ่ง สุดท้ายนมไทย-เดนมาร์ก ก็สามารถกลับมาเป็นเจ้าตลาดได้อีกครั้ง
ปัจจุบันนมไทย-เดนมาร์ก มีส่วนแบ่งอยู่ที่ประมาณ 45% ของตลาดนมพร้อมอื่ม UHT
หากไปมองที่รายได้ในแต่ละปีที่ผ่านมา
ปี 2557 ทำรายได้ 7,211 ล้านบาท
ปี 2558 ทำรายได้ 7,989 ล้านบาท เติบโต 10%
ปี 2559 ทำรายได้ 8,390 ล้านบาท เติบโต 5%
ปี 2560 ทำรายได้ 9,135 ล้านบาท เติบโต 8%
ขณะที่ตลาดนมไทยก็เติบโตเรื่อยๆ ปีละ 2-5% การทำนมไทย-เดนมาร์ก เป็นเจ้าตลาดและสามารถทำผลประกอบการเติบโตได้ดีกว่าตลาด
นั่นก็หมายถึงพวกเขาสามารถแย่งสวนแบ่งการตลาดจากอันดับอื่นๆ มาได้ด้วยนั่นเอง
ข้อมูลอื่นๆ ของนมไทย-เดนมาร์ก ที่คุณเองก็อาจจะไม่รู้มาก่อน…
– อ.ส.ค. มีนมอยู่ในสังกัดทั่วประเทศทั้งสิ้น 114,539 ตัว
– นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายของเกษตรกร แบ่งเป็นผู้เลี้ยงโคนมสังกัด อ.ส.ค. 4,398 ราย และผู้ที่ทำการส่งนมวัวให้เป็นประจำ 3,492 ราย
– ปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบทั่วประเทศของ อ.ส.ค. อยู่ที่ 234 ล้านลิตร
– นอกจากเลี้ยงวัวและรับซื้อนมวัวแล้ว ยังมีบริการสัตวแพทย์ให้เกษตรกรทั่วประเทศด้วย รวมปีล่าสุดออกรักษาไป 62,000 ครั้ง
– แถมยังรับผสมเทียมให้กับวัวทั่วประเทศ ปีล่าสุดก็ส่งวัวไปปะด๊ะดั๊มกับวัวเกษตรกรไทย 47,000 ครั้ง
– ช่วงหลังมานี้เริ่มทำธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตรควบคู่กับการขายนม มีคนมาเที่ยวปีละ 55,000 คน และอ.ส.ค. หวังจะส่งเสริมให้คนมาเที่ยวมากขึ้นเรื่อย
คาเฟ่ Milk Land ที่อำเภอมวกเหล็ก
อ.ส.ค. รัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรให้กับประเทศ
แม้ อ.ส.ค. และนมไทย-เดนมาร์ก จะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งหากบริหารขาดทุน รัฐบาลก็จะนำเงินมาดูแลอุดหนุนอยู่ดี
แต่ตัวองค์กรเองก็ไม่ได้อยู่เฉย พยายามบริการจัดการแข่งกับเอกชน รักษาตำแหน่งแชมป์ของตลาดนมวัว แต่ก็ยังไม่ทิ้งบริการอื่นๆ แก่เกษตรกรไทย
แถมช่วงหลังยังพยายามขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อหารายได้เพิ่มเติม
นมไทย-เดนมาร์ก และ อ.ส.ค. จึงเป็นตัวอย่างของ “ธุรกิจที่ไม่ยอมอยู่นิ่ง” พร้อมที่จะแข่งขัน แม้จะถูกล้มแชมป์ไปก็กลับไปปรับปรุงตัวเอง จนกลับมาขึ้นที่ 1 ได้อีกครั้ง
และด้วยสโลแกนติดหู “นมไทยแท้ 100% ไม่ผสมนมผง” ประโยคคลาสสิคที่ใช้มาหลายปี ก็ยังคงเป็นที่จดจำได้ดีนั่นเอง
ที่มา:
http://www.dpo.go.th/
http://www.thansettakij.com/content/129636
https://www.thairath.co.th/content/1116919
Advertisement